
อีกไม่กี่วันก็จะเปลี่ยนไปเป็นปี 2022 แล้ว ในช่วงปีถึงสองปีที่ผ่านมา ลักษณะการทำงานทั้งโลกได้เปลี่ยนไปมาก จนแทบจะตั้งตัวไม่ทัน ในปี2022 ที่จะถึงนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่เราจะเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลง และพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส นำการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เปลี่ยนเป็นข้อดี และประโยชน์ต่อองค์กร วันนี้ WellExp จึงนำ 4 เทรนด์การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในปีหน้า เพื่อให้ทุกคนได้ปรับตัว รวมถึง HR และองค์กรที่จะต้องรับรู้และรับมือ
1. Alternative Workplace
วิกฤติโควิดที่ผ่านมา ทำให้เรา work from home กันเป็นเวลานาน ทำให้พื้นที่ออฟฟิศไม่มีคนเข้าใช้งาน จนเหมือนกับการเช่าทิ้งไว้เฉย ๆ และด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า Alternative Workplace หรือที่ทำงานแบบทางเลือกขึ้นมา การทำงานจะไม่เป็นแบบเดิมอีกต่อไป เพราะว่าจะไม่ยึดติดกับพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งอย่างการเข้าออฟฟิศสม่ำเสมอ มีโต๊ะประจำเหมือนแต่ก่อน แต่จะเปลี่ยนไปเป็นการใช้บริการ hot desk ที่ทำให้สามารถเลือกที่ทำงานได้ พร้อมทั้งมีสภาพแวดล้อม และบรรยากาศทำงานที่แปลกใหม่ องค์กรไม่จำเป็นต้องเสียค่าเช่าระยะยาว และพนักงานก็จะได้รับบรรยากาศใหม่ ๆ และเลือกทำเลการทำงาน รวมถึงโลเคชั่นที่ตัวเองสะดวกได้อีกด้วย
หลาย ๆ บริษัทตอนนี้ก็เริ่มนำ alternative workplace มาใช้บ้างแล้ว โดยพนักงานจะต้องแจ้ง HR ก่อนจะเดินทางไป working space เพื่อจองโต๊ะ จากนั้นจะได้รับรหัส เพื่อปลดล็อคโต๊ะเพื่อใช้ไฟฟ้าและไวไฟ เท่านี้ก็จะได้ที่ทำงานที่เราต้องการแล้ว เทรนด์ที่ทำงานแบบทางเลือกนี้ มาแรงสุด ๆ ที่สำคัญคือช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้องค์กรดูยืดหยุ่น และตอบโจทย์ลักษณะการทำงานของคนรุ่นใหม่ได้ดีอย่างมาก หากองค์กรใดสนใจ ในปี2022 นี้ก็ลองเริ่มนำไปปรับใช้ดู เผื่อจะได้รับผลตอบแทนที่ดีเกินคาด!
2. เทคโนโลยีที่มาแทนวัฒนธรรมแบบเก่า ๆ
การล็อคดาวน์ และมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันโรคระบาดอย่าง การเว้นระยะห่างทางสังคม ลดการเดินทาง ลดการสัมผัส ทำให้วัฒนธรรมแบบเดิม เช่น การแสกนนิ้วเข้างาน การสัมภาษณ์แบบon site ถูกทดแทนด้วยการใช้เทคโนโลยีทั้งหมด
การเข้างานก็เปลี่ยนไปเป็นเช็คอินผ่านแอพพลิเคชั่น การสัมภาษณ์ การประชุม และการ onboarding ก็ผ่านการวิดีโอคอล จึงจะเห็นได้ชัดเลยว่า เทคโนโลยีได้เข้ามาแทนที่ลักษณะการทำงานแบบเดิมเป็นอย่างมาก ที่สำคัญแพลตฟอร์มเพื่อ HR ก็มาแรงสุด ๆ และถูกใช้อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าในยุคนี้บริษัทส่วนมากเลยที่มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน
3. well-being คือสิ่งสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา
ค่านิยมงานหนักไม่เคยฆ่าใคร หรือการอดทนทำงานที่ไม่มี work-life balance ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไปแล้วในปี 2022
ผลสำรวจจากWellable พบว่ามากถึง 88% ของพนักงานในปี 2021 ที่ผ่านมา ลงทุนและให้ความสำคัญไปกับสุขภาพจิต 87% มีการใช้บริการtelemedicine หรือการพบแพทย์ออนไลน์เพื่อพูดคุยและปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต จะเห็นได้เลยว่าความเป็นอยู่ที่ดีเป็นเรื่องสำคัญมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความเป็นอยู่ที่ดีในที่นี้ครอบคลุมในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็น สุขภาพกาย สุขภาพจิต การเงิน สังคม ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน และสภาพอารมณ์
การให้ความสำคัญและใส่ใจในความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน จะช่วยดึงดูดเหล่า talents ให้เข้ามาทำงานกับองค์กร เพราะยุคนี้การที่บริษัทให้คุณค่าและดูแลพนักงานได้อย่างดี จะทำให้พนักงานสนใจจะร่วมงานด้วยมากกว่าองค์กรที่สนเพียงแค่ผลกำไรเท่านั้น
4. employee branding คืออาววุธลับขององค์กรในปี2022
จากสภาวะ The great resignation wave หรือการลาออกครั้งใหญ่ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการขาดแรงงาน และขาดแคลนพนักงาน จนต้องสรรหาพนักงานกันอย่างวุ่นวาย หลายบริษัทไม่สามารถหาพนักงานในตำแหน่งที่ตัวเองต้องการได้ หรือต้องใช้เวลาอย่างมากในการสรรหา ที่สำคัญตอนนี้ก็ต้องมีการแข่งขันกันหลายธุรกิจในการแย่งชิงตัวเหล่าผู้มีความสามารถให้เข้าร่วมกับองค์กรของตนเอง ดังนั้นอาวุธลับที่สำคัญที่สุดในปี 2022 ที่องค์กรควรจะทำเพื่อดึงดูด talents ก็คือการสร้าง employee branding นั่นเอง การสร้าง employee branding จะทำให้บริษัทเป็นที่รู้จัก และช่วยดึงดูดให้คนสนใจมากยิ่งขึ้น HR และคนในองค์กรจึงควรเริ่มที่จะให้ความสำคัญ กับการสร้าง employee branding เพื่อเป็นการปรับตัวให้เท่าทันในปี 2022