
Bite-sized learning หรือที่เรารู้จักโดยทั่วกันว่าคือ microlearning นั่นเอง Bite-sized learning คือการเรียนรู้ที่ย่อเนื้อหาให้กระชับและเข้าใจง่ายที่สุด ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องไปนั่งเรียนและจดเนื้อหาที่ยาว ซับซ้อน และทำให้เปลืองเวลา
ข้อดีของการเรียนรู้ลักษณะนี้คือ ใช้เวลาน้อยแต่ได้ผลได้มากกว่า เพราะการเรียนรู้จะถูกย่อให้กระชับที่สุด เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 10-15 นาที แต่ผลลัพธ์มาน่าพึงพอใจ เพราะผู้เรียนรู้จะสามารถจำข้อมูลในรูปแบบรายละเอียดน้อย ๆ ได้ดีกว่าข้อมูลที่มีรายละเอียดมาก และยิ่งเป็นยุคนี้แล้วด้วยในบางองค์กรก็ปรับการเรียนเป็นออนไลน์ซะส่ การจะมานั่งเรียนออนไลน์หลายชั่วโมง ดูจะเป็นการทรมานมากกว่าการเรียนรู้ เพราะฉะนั้นหากปรับให้เป็นตอนสั้น ๆ แค่ 10-15 นาที แน่นอนว่าจะสนุกและน่าเรียนรู้มากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย
ที่สำคัญเลยคือเหมาะกับการเรียนรู้เพื่อนำไปใช้งานจริงมาก ๆ ยกตัวอย่างเช่น หากพนักงานใหม่ต้องการที่จะศึกษาการใช้ฟีเจอร์ ฟีเจอร์หนึ่งของโปรแกรม องค์กรก็สามารถส่งคลิปการเรียนรู้ในเรื่องนั้น ๆ ให้พนักงานศึกษาในระยะเวลาสั้น ๆ แทนที่จะใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพื่อศึกษาการใช้งานทั้งระบบ ก็เปลี่ยนเป็นการเรียนรู้แบบกระชับแทน
5 วิธี เปลี่ยนการเรียนรู้แบบเก่า ๆ มาเป็น Bite-sized learning ที่ได้ประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
1) หัวข้อในการเรียนรู้ 1 ครั้ง
ในการเรียนรู้แบบ Bite-sized learning จะต้องสั้นกระชับที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องมาช่วยกันคิดและดูว่าเรื่องใดเหมาะสมสำหรับแต่ละคน พร้อมทั้งย่อยการเรียนออกเป็นหัวข้อย่อย ๆ ที่สำคัญต้องแน่ใจว่าในการเรียนแต่ละครั้งโฟกัสใจความสำคัญแค่เรื่องเดียว ไม่ฉะนั้นแล้วเนื้อหาจะเยอะมากเกินไป
2)เช็คความเข้าใจด้วยบททดสอบเล็ก ๆ
เพื่อวัดผลว่าผู้เรียนเข้าใจบทเรียนได้ดีแค่ไหน ก็ควรที่จะมีบททดสอบที่สั้นกระชับตามมาหลังจากได้เรียนรู้จนจบบทเรียน โดยอาจจะเป็นเทสที่ใช้เวลาทำไม่นานเพียงแค่ประมาณ 2 นาที เท่านี้ก็จะทำให้เรารู้ว่าผู้เรียนเข้าใจเนื้อหามากน้อยเพียงใด
3)เติมเต็มส่วนที่ขาด
การเรียนรู้แบบ Bite-sized คือการช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาความรู้ในเฉพาะเรื่องได้ดีที่สุด ถ้าเทียบกับการเรียนแบบเดิม ๆ ผู้เรียนอาจจะไม่สามารถโฟกัสได้ว่าตนควรเน้นเรื่องใดเป็นพิเศษ เพราะเนื้อหาที่เยอะและยาว กลับกันการเรียนรู้แบบ Bite-sized จะให้ผู้เรียนได้เติมเต็มเรื่องที่ไม่ถนัดได้ดีมากยิ่งขึ้น
4) วาง roadmap ให้ดี
ผู้ที่เกี่ยวข้องควรที่จะวางแผน Bite-sized learning ให้ดี เพื่อไม่ให้พลาดและตกหล่นในจุดใดไป เพราะเท่าที่เราทราบกันดีคือการเรียนลักษณะนี้เป็นการย่อยเนื้อหาที่เยอะ ให้กระชับและทำให้สั้นเพื่อที่จะใช้เวลาไม่นาน ดังนั้นผู้ที่ดูแลเรื่องการพัฒนาและการเรียนรู้ควรที่จะมี roadmap ให้ผู้เรียนดูว่าต่อไปจะเป็นเรื่องอะไร ผู้เรียนต้องเรียนทั้งหมดกี่หัวข้อ เพื่อที่จะทำให้พนักงานตามทันและไม่ตกหล่นบทเรียนสำคัญบทไหนไป
5) มีแพลทฟอร์มมาช่วยให้การเรียนรู้ไม่น่าเบื่อ
บางครั้งต่อให้การเรียนรู้เป็นแบบ Bite-sized learning ก็ยังไม่จูงใจและทำให้เราอยากจะเรียนรู้อยู่ดี โจทย์นี้องค์กรจะต้องแก้ไขให้ได้ โดยการสร้างแรงจูงใจและทำให้การเรียนรู้ไม่จำเจอีกต่อไป
WellExp แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาพนักงานในองค์กร ด้วยวิธีที่นำ gamification มาปรับใช้ให้การเรียนรู้ไม่น่าเบื่อ เปรียบเสมือนการเล่นเกมที่ต้องผ่านแต่ละด่านไปให้ได้ และรับรางวัลเป็นพ้อยท์ที่สามารถนำไปแลกสวัสดิการต่าง ๆ มากมายตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน โดยในแต่ละด่านจะเป็นการเรียนรู้แบบ microlearning ด้วยคลิปวิดีโอสั้น ๆ พร้อมเช็คความเข้าใจด้วยควิสเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สำคัญเมื่อทำควิสสำเร็จก็จะได้รางวัลตอบแทนอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ จะทำให้พนักงานรู้สึกสนุกและมีส่วนร่วมไปกับการเรียนรู้อย่างเต็มใจ เพราะสามารถนำรางวัลที่เป็นพ้อยท์สะสมไปแลกสวัสดิการมากมาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดในการชอปปิ้งที่ Central และ Lotus แลกพ้อยท์เป็นการเติมเงินเข้า True money ส่วนลดการชอปออนไลน์ผ่านแอพShopee คูปองค่าอาหารผ่านการสั่ง Grab ส่วนลดในการเติมน้ำมัน รวมถึงการเป็นสมาชิกแพลทฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ ทั้ง Netflix และ Viu ถ้าพร้อมที่จะนำ WellExp ไปสร้างการเปลี่ยนแปลงให้การเรียนรู้ในองค์กรของคุณมีความสนุก ได้ประสิทธิภาพ และสามารถดึงดูดพนักงานให้มีส่วนร่วมแล้วก็คลิกแล้วลุยไปพร้อมกันเถอะ!!