ถ้าพูดถึงเรื่องข้อดีของ Flexible Benefits นั้น เราก็จะพบว่ามีประโยชน์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างแรงจูงใจที่เพิ่มขึ้นกับพนักงานบางกลุ่ม เช่นเดียวกับการเปิดทางเลือกในการบริหารผลประโยชน์ให้มีตัวเลือกมากขึ้นกว่าเดิม
แต่อย่างไรก็ตาม การจะทำ Flexible Benefits ก็ต้องมีข้อควรระวังด้วยเช่นกันเพราะไม่อย่างนั้นอาจจะกลายเป็นการสร้างปัญหาในการบริหารมากขึ้น ซึ่งมีข้อที่ความพิจารณาในเรื่องความพร้อมดังนี้
1. ความพร้อมของระบบการบริหาร Flexible Benefits
ในกรณีที่องค์กรยังไม่ได้ใช้ระบบ Flexible Benefits การทำเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ อาจจะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากมากนักสำหรับแผนกบุคคล เพราะจะเข้ารูปแบบเดียวกัน ทำให้ง่ายต่อการดำเนินการ แต่การทำ Flexible Benefits และมีตัวเลือกของสวัสดิการที่หลากหลายอาจจะทำให้ต้องเพิ่มการดูแล ตรวจสอบความพร้อม และข้อมูลของพนักงานให้ถูกต้องเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากตัวเลือกที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการปรับเปลี่ยนตัว Flexible Benefits ของพนักงานระหว่างอายุงานที่อาจจะโยงไปสู่ขั้นตอนที่เพิ่มขึ้น เงื่อนไขที่ซับซ้อนมากขึ้น และเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดจนเกิดปัญหาตามมาได้
2. การสับสนจากตัวเลือกที่มากเกินไป
แม้ว่าการใช้ระบบ Flexible Benefits นั้น จะเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้พนักงานสามารถพิจารณาตามความเหมาะสมได้จะเป็นเรื่องดี แต่หากมีตัวเลือกที่มากเกินไป ก็อาจจะกลายเป็นการเพิ่มความสับสนให้กับพนักงาน แถมอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่ายหากสื่อสารไม่ชัดเจนว่าใครสามารถใช้สวัสดิการไหนได้บ้าง เมื่อเกิดความเข้าใจผิด ใช้งานไม่ได้จริง ก็จะเกิดปัญหาระหว่างพนักงานและองค์กรตามมาได้
3. ความพร้อมในการสื่อสาร Flexible Benefits
การทำ Flexible Benefits นั้นจำเป็นต้องอาศัยการสื่อสารที่ชัดเจน เข้าใจง่าย และใช้เวลาเพื่อทำความเข้าใจและปรับตัวร่วมกันระหว่างพนักงานฝ่ายที่ดูแลระบบ Flexible Benefits กับพนักงานทั่วไป การสื่อสารเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมตัว เพื่อให้พนักงาน หรือผู้สมัครงานตำแหน่งต่างๆ เข้าใจได้อย่างถูกต้อง ไม่มีความเข้าคลาดเคลื่อนจนเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง องค์กรจึงต้องพิจารณาดูด้วยว่าการสื่อสารภายในองค์กรนั้นเป็นอย่างไร มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน
4. การปรับเปลี่ยน Flexible Benefits ระหว่างอายุงาน
นอกจากการเลือกตัว Flexible Benefits ในตอนเริ่มต้นทำงานแล้วนั้น การตั้งเงื่อนไขเพื่อให้พนักงานปรับเปลี่ยนได้เมื่อทำงานไประยะหนึ่งก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะสวัสดิการและผลประโยชน์หลายอย่างก็อาจจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นเพื่อพนักงานมีสถานะที่เปลี่ยนไป ซึ่งองค์กรที่จะทำ Flexible Benefits ก็ต้องพิจารณาและออกแบบนโยบายตรงนี้ให้ดี ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงรวมทั้งไม่ให้เกิดครหากับตัวพนักงานด้วยนั่นเอง